ลองอ่านซักนิดนะครับ
"พ่อครับ ข้างบ้านเขาขโมยสอยมะม่วงเราครับ"
เด็กชายตัวน้อยวิ่งตื๋อมาหาพ่อ
พ่อหัวเราะแล้วถาม
"เราเหลืออีกหลายลูกไหม? ลูก"
"ผมเห็นอีกหลายลูกเลยครับ"
"งั้นไปสอยมะม่วงสุกมาให้พ่อสักเจ็ดลูกสิ"
เด็กชายเข้าใจว่าพ่อคงใช้ให้สอยมะม่วงเพราะกลัวเพื่อนบ้าน
จะขโมยอีก จึงรีบสอยมะม่วงมาให้พ่อ
เมื่อได้มะม่วงก็หอบมาให้พ่อ หวังว่าจะได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
แต่ปรากฎว่า ผู้เป็นพ่อนำมะม่วงทั้งหมดมาจัดใส่ตะกร้าอย่างสวยงาม
แล้วจูงมือลูกชายไปกดกริ่งหน้าประตูของเพื่อนบ้านที่ลูกชายบอกว่า
สอยมะม่วงไป
เด็กชายงง ไม่เข้าใจว่าพ่อจะทำอะไร เมื่อเพื่อนบ้านเปิดประตูรั้วออกมา
เป็นชายวัยกลางคน หน้าตามีพิรุธเหมือนทำผิดอะไรบางอย่าง
ผู้เป็นพ่อจึงยื่นมะม่วงทั้งตะกร้าให้ แล้วกล่าวว่า
"ผมเอามะม่วงมาฝากครับ เป็นเพื่อนบ้านอยู่บ้านข้างๆนี่เอง
มีอะไรก็บอกกันนะครับ จะได้ช่วยเหลือกัน"
ชายคนนั้นมีสีหน้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกให้พ่อรอสักครู่
พร้อมทั้งกลับมาด้วยตะกร้าใบเดิม แต่คราวนี้มีไข่ไก่เต็มตะกร้า
"ผมเลี้ยงไข่ไก่ไว้หลายตัว ขอให้ไข่เป็นของตอบแทนน้ำใจนะครับ"
พ่อกล่าวของบคุณ แล้วจูงมือเด็กชายกลับบ้าน เด็กชายถามพ่อด้วยความสงสัย
"ทำไมพ่อถึงเอามะม่วงไปให้เขา แทนที่จะไปทวงมะม่วงของเราคืนมา"
"ถ้าพ่อไปทวงมะม่วง เราอาจจะได้มะม่วงคืน แต่เราจะเสียเพื่อนบ้าน
และอาจถึงกับโกรธกัน แต่นี่พ่อเอามะม่วงไปให้เขาเจ็ดลูก
รวมที่เขาสอยไปหนึ่งลูกเป็นแปดลูก แต่เราได้ทั้งน้ำใจเขา
ซึ่งก็คือไข่ตะกร้าใหญ่ แถมยังได้เพื่อนบ้านเพิ่ม
ลูกว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะ"
คัดลอกจากคอลัมน์ Sharing นิตยสาร Secret ฉบับ 10 ธ.ค.57
ภาพ : วิทวัส มีเดช
วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สตอเบอรี่ ผลไม้มีประโยชน์ กับการปลูกในระบบไฮโดรโปรนิคส์
สตรอเบอรี่จัดเป็นพืชหลายปี แต่โดยทั่วไปจะปลูกปีเดียวแ ล้วจะมีการปลูกใหม่ในปีถัดไ ป ลักษณะการเจริญเติบโต จะแตกกอเป็นพุ่มเตี้ย สูงจากพื้นดิน 6-8 นิ้วทรงพุ่มกว้าง 8 -12 นิ้ว ระบบรากส่วนใหญ่อยู่ระดับลึ กประมาณ 12 นิ้วจาก ผิวดิน ลำต้นปกติยาว 1 นิ้ว ความยาวของก้านใบขึ้นกับพัน ธุ์ ขอบใบหยัก ใบส่วนใหญ่ประกอบด้วย 3 ใบย่อย ตาที่โคนของก้านใบจะพัฒนาเป ็นตาดอกลำต้นสาขาไหลหรือพัก ตัว โดยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรองดอสีเขียวกลีบดอกส ีขาวหรือชมพู เกสรตัวผู้สีเหลืองและเกสรต ัวเมียเรียงอยู่บนฐานรอง ดอก ซึ่งฐานรองดอกนี้จะพัฒนาเป็ นเนื้อของผลส่วนเมล็ดอยู่ติ ดกับ
ผิวนอกของผล ผลมีหลายรูปทรง เช่น ทรงกลม ทรงกลมแป้น ทรงกลมปลายแหลม
ทรงแหลม ทรงแหลมยาวทรงลิ่มยาว และทรงลิ่มสั้น มีหลายขนาดขี้นอยู่กับพันธุ ์ ผลจะมีสีเขียวในระยะแรก และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแ ดงเข้ม รสเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมน่ารับประทาน
พันธุ์
* พันธุ์เพื่อการบริโภคสด ได้แก่ พันธุ์พระราชทานเบอร์ 70 , 80 เบอร์50 และเบอร์20 , 329 เป็นต้น
* พันธุ์เพื่อการแปรรูป ได้แก่ พันธุ์พระราชทานเบอร์16 และเซลวา , 329
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์สตรอเบอรี่ ทำได้หลายวิธีได้แก่
1. การใช้ไหล ขยายต้นไหลจากพันธุ์ที่สามา รถให้ไหลได้ดี
2. การแยกต้น แยกต้นจากพันธุ์ที่ออกไหลไม ่ดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกพันธุ์ป ่า
3. การใช้เมล็ด ใช้ในกรณีที่มีการผสมพันธุ์ เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่เกิดข ึ้น
4. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นขบวนการผลิตต้นไหลที่ปล อดโรค และสามารถขยายพันธุ์ให้มีปร ิมาณต้นไหลเพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว
การปลูกและการดูแลรักษา
ควรปลูกในเดือนกันยายน - กลางเดือนตุลาคม โดยใช้ส่วนที่เรียกว่า ต้นไหลมาปลูก
ระยะปลูก
สำหรับระยะที่ใช้ปลูกจะใช้ร ะยะปลูกระหว่างแถว 30 - 40 เซนติเมตร ระหว่างต้น 25 - 30 เซนติเมตร
วิธีการปลูก
ปลูกโดยการปลูกในวัสดุปลูกค ือ ทรายหยาบ + แกลบดิบปลูกให้พอดีกับขนาดข องต้นไม่ลึกเกินไป
ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมีตอนปลูกให ม่ เพราะอาจทำให้ระบบรากเสียหา ยและต้นตาย ได้ ควรปล่อยเฉพาะน้ำเปล่าๆ การปลูกต้นไหลนั้นระดับรอยต ่อของรากและลำต้นจะต้องพอดี กับระดับของผิววัสดุปลูก ไม่ปลูกลึกหรือตื้นเกินไป
ถ้าปลูกลึก คือ ส่วนลำต้นจมอยู่ต่ำกว่าผิวว ัสดุปลูก หากเชื้อโรคเข้าทางยอดของลำ ต้นจะทำให้ยอดเน่า
ต้นเจริญเติบโตช้าและอาจถึง ตายได้ ถ้าปลูกตื้น คือ ปลูกต้นไหลแล้วรากลอยขึ้นมา เหนือผิววัสดุปลูก ทำให้รากถูกอากาศและ
แห้ง ต้นเจริญเติบโตช้า ไม่สมบูรณ์ และอาจเป็นสาเหตุให้ต้นตายไ ด้เช่นกัน การปลูกควรให้ขั้วไหลด้านที ่เจริญมาจาก
ต้นแม่หันเข้ากลางแปลง เพื่อที่จะให้ผลสตรอเบอรี่ท ี่ผลิตออกมาอยู่ด้านนอกของแ ปลงได้รับแสงแดดเต็มที่
ทำให้รสชาติดี สะดวกในการเก็บเกี่ยวและลดป ัญหาเรื่องโรคของผลได้ ปลูกหลุมละ 1 ต้น การใช้ต้นไหลที่ผ่าน การเกิดตาดอกจากพื้นที่สูงจ ะทำให้ได้ผลผลิตเร็ว และมีช่วงการเก็บเกี่ยวยาวน านขึ้น
เมื่อปลูกต้นไหลแล้ว ระยะตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจน ถึงประมาณเดือนธันวาคม ต้นไหลบางพันธุ์จะผลิตส่วนไ หลออก
มาเรื่อยๆ ให้เด็ดหรือตัดส่วนไหลออกให ้หมดทุกต้น ไม่ควรเลี้ยงไหลไว้เพื่อใช้ ปลูกต่อไป เพราะจะทำให้ต้น
ที่ย้ายปลูก (ต้นเดิมที่นำลงมาจากภูเขา) สร้างตาดอกรุ่นต่อมาช้าลง และทำให้ต้นโทรม ขาดความแข็งแรงได้
นอกจากนี้ยังจะกระทบกระเทือ นต่อผลผลิตรวมทั้งแปลงอีกด้ วย
การให้น้ำ + การให้ปุ๋ย
เนื่องจากเป็นการปลูกระบบไฮ โดรโปรนิคส์ ทั้งน้ำและปุ๋ยจะมาพร้อมกัน ในระบบน้ำหยด ซึ่งควบคุมด้วยตัวตั้งเวลาใ ห้น้ำวันละ 4 ครั้ง
การกำจัดวัชพืช
การปล่อยให้มีวัชพืชขึ้นในแ ปลงสตรอเบอรี่ จะมีผลทำให้ผลผลิตลดลงได้ เนื่องจากวัชพืชเป็นตัวแย่ง น้ำแย่งอาหาร
ทั้งยังเป็นแหล่งสะสมโรคและ แมลงที่จะระบาดทำความเสียหา ยให้แก่สตรอเบอรี่ด้วย เกษตรกรต้องหมั่นกำจัดวัขพื ชอย่า
สม่ำเสมอ พร้อมทั้วตัดแต่งใบและลำต้น แขนงที่ไม่สมบูรณ์ออกทิ้ง ซึ่งแต่ละกอควรเก็บหน่อไว้ป ระมาณ 6 - 8 หน่อ
และอย่าทิ้งเศษพืชไว้ในแปลง ปลูก เพราะจะทำให้เป็นที่สะสมโรค ควรเก็บเศษพืชอัดใส่ถุงปุ๋ย ให้แน่นผูกปากถุงทิ้งไว้
เมื่อสลายตัวแล้วจะได้นำไปใ ช้เป็นปุ๋ยต่อไป
โรค แมลง และศัตรูพืช
สตรอเบอรี่เป็นพืชหนึ่งที่ม ีโรค แมลง และศัตรูรบกวนมาก นับตั้งแต่ระยะกล้าไปจนถึงร ะยะเก็บเกี่ยว
การป้องกันตั้งแต่ระยะแรกจึ งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างย ิ่ง เพราะโรคของสตรอเบอรี่บางโร คการป้องกันไม่ให้เกิดโรค
จะสามารถทำได้ง่ายกว่าการกำ จัดหลังจากที่โรคระบาดทำควา มเสียหายแล้ว เช่น โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส
การป้องกันไม่ให้โรคและแมลง เข้าทำลายส่วนต่างๆของสตรอเ บอรี่ทำได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรค
ใช้ต้นไหลที่แข็งแรงจากต้นแ ม่พันธุ์ที่ปลอดโรคและต้านท านโรค ซึ่งได้จากวิธีการเพาะเลี้ย งเนื้อเยื่อ การจัดการเขต
กรรมที่ดี มีการให้น้ำและปุ๋ยอย่างถูก ต้องเหมาะสม การป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดย ชีววิธี ก็จะสามารถลดปัญหาการเข้า
ทำลายของศัตรูสตรอเบอรี่ได้ ระดับหนึ่ง ส่วนการใช้สารเคมีในการป้อง กันกำจัดศัตรูสตรอเบอรี่นั้ น เกษตรกรควรใช้เป็น
ทางเลือกสุดท้าย เพราะการใช้สารเคมีอย่างไม่ ถูกต้องและเหมาะสม จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภ าพทั้งของเกษตรกร
และผู้บริโภค
โรคสตรอเบอรี่ที่สำคัญ
1.โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะแสดงอาการใบหงิก ย่น หรือมีอาการใบด่าง ใบผิดรูปร่าง ใบม้วนขึ้น ต้นเตี้ย แคระแกรน
ข้อสั้น ทรงพุ่มมีใบแน่นขนาดใบเล็กก ว่าปกติ ต้นพืชอ่อนแอ ชะงักการเจริญเติบโตและทำให ้ผลผลิตลดลง
พบว่าแมลงพวกปากดูด ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และไส้เดือนฝอยบางชนิดเป็นพ าหะของโรค โรคนี้เมื่อเกิดแล้ว
ไม่สามารถรักษาให้หายได้ นอกจากการป้องกันโดยคัดเลือ กกล้าที่ไม่เป็นโรค ซึ่งเกิดจากต้นแม่พันธุ์ที่ ได้จากวิธีการ
เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาปลูก ทำการอบดินเพื่อทำลายไส้เดื อนฝอยที่เป็นพาหะของโรคไวรั ส กำจัดแมลงพวกเพลี้ยไฟ
เพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นพาหะของโรค เมื่อพบว่ามีต้นที่แสดงอากา รผิดปกติดังกล่าวให้ขุดออกไ ปเผาทำลายทันที
และการบำรุงพืชให้แข็งแรงอย ู่เสมอจะช่วยต้านทานเชื้อโร คได้
การป้องกันกำจัดแมลงพาหะของ เชื้อไวรัส
* ใช้สารสกัดสะเดา ฉีดพ่นเพื่อขับไล่และยับยั้ งการกินอาหาร การเจริญเติบโตของแมลง ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ
* ใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง วิธีการนี้สามารถดักจับตัวเ ต็มวัยของแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ ผีเสื้อต่างๆที่เป็นตัวแก่
ของศัตรูพืช ทำให้ลดปริมาณศัตรูพืชลงได้
สูตรผสมของกาวเหนียว
1. น้ำมันละหุ่ง 150 ซีซี.
2. ยางสน 100 กรัม
3. ขี้ผึ้งคาร์นาว่า 10 - 12 กรัม
วิธีทำ นำน้ำมันละหุ่งมาใส่ภาชนะตั ้งไฟให้ร้อน มีไอขึ้นที่ผิวหน้า แล้วจึงทยอยใส่ผงยางสนและขี ้ผึ่งคาร์นาว่าลงไป
ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันจนละล ายหมด ใช้เวลาประมาณ 5 นาที อย่าใช้ไฟแรงนักเพราะจะทำให ้ยางสนไหม้ หลังจากนั้น
ยกภาขนะลงวางในถังหรือกาละม ังที่ใส่น้ำแข็งทุบเป็นก้อน เล็กๆ เพื่อให้ได้รับความเย็นอย่า งรวดเร็ว จากนั้นบรรจุใส่
ภาขนะปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ใช ้งาน
วิธีใช้ ใช้ภาชนะที่ใช้แล้ว เช่น กระป๋องน้ำมันเครื่องหรือแผ ่นพลาสติกสีเหลือง (สีเหลืองจะช่วยดึงดูดแมลงต ัวเต็มวัย
ให้บินเข้ามาติดกับดักและตา ย) หุ้มด้วยพลาสติกใส เพื่อสะดวกในการเปลี่ยนกาวเ มื่อกาวแห้งหรือปริมาณของแม ลง
หนาแน่น ทากาวเหนียวด้วยแปรงทาสีให้ รอบ แล้วใช้แผ่นเหล็กหนาครึ่งหุ นขนาด 1*3 นิ้ว ปาดกาวให้กาวติดบางที่สุด
ไม่ให้ไหลเยิ้มเพื่อเป็นการ ประหยัดกาวที่ใช้
กาววางกับดักกาวเหนียวสีเหล ือง ควรวางให้อยู่ระดับสูงเหนือ ยอดต้นสตรอเบอรี่ประมาณ 1 ฟุต ในฤดูหนาวซึ่งมีการ
ระบาดของแมลงน้อย อาจวางกับดัก 15 - 20 กับดัก/ ไร่ แต่ในฤดูร้อนและฤดูฝน ซึ่งจะมีการระบาดของแมลงศัตรูพืช
ควรวางกับดัก 60 -80 กับดัก/ไร่
2. โรคแอนแทรคโนส (โรคกอเน่า) เกิดจากเชื้อราคอลเล็คโตตริ คัม จะแสดงอาการเริ่มจากแผลเล็ก ๆสีม่วงแดงบน
ไหล แล้วลุกลามไปตลอดความยาวของ สายไหล แผลที่ขยายยาวมากขึ้นจะเปลี ่ยนเป็นสีน้ำตาล
รอบนอกของแผลเป็นสีเหลืองอม ชมพูซีด แผลที่แห้งเป็นสีน้ำตาลทำให ้เกิดรอยคอดของไหลบริเวณที่ เป็นแผล
ต้นไหลอาจจะยังไม่ตาย แต่เมื่อย้ายต้นไหลที่มีการ ติดเชื้อลงมาปลูกบริเวณพื้น ราบ หากสภาพอากาศเหมาะสมกับ
การเจริญเติบโตของเขื้อ(อาก าศร้อนชื้น) สตรอเบอรี่จะแสดงอาการใบเฉา และต่อมาจะเหี่ยวอย่างรวดเร ็ว
พบว่าเนื้อเยื่อส่วนกอด้านใ นมีลักษณะเน่าแห้ง มีสีน้ำตาลแดง หรือบางส่วนเป็นแผลขีดสีน้ำ ตาลแดง และต้นจะตาย
ในที่สุด โรคนี้สามารถเกิดที่ผลสตรอเ บอรี่ได้ด้วย พบอาการเป็นแผลลักษณะวงรี สีน้ำตาลเข้ม แผลบุ๋มลึกลงไปใน
ผิวผล เมื่ออากาศชื้นสามารถมองเห็ นหยดสีส้ม ซึ่งเป็นกลุ่มของสปอร์ขยายพ ันธุ์ของเชื่อราอยู่ในบริเว ณแผล
การป้องกันกำจัด ในฤดูกาลผลิตผลสตรอเบอรี่ใน ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษ ายน ควรวางแผนจัดการในการผลิต
ต้นไหลให้ปราศจากเชื้อโรคทั ้งที่เป็นอาการแบบต่างๆของโ รคแอนแทรคโนสที่ปรากฎให้เห็ น ได้แก่ อาการโรคใบจุดดำ
ขอบใบไหม้ แผลบนก้านใบ และแผลบนสายไหลตลอดจนต้นไหล ที่มีการติดเชื้อแบบแฝง
โดยที่ต้นไหลยังแสดงอาการปก ติ แต่จะตายเมื่อมรการย้ายลงมา ปลูกบริเวณพื้นที่ราบ ในสภาพอากาศเหมาะสมกับ
การเจริญของเชื้อ
3.โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรารามูลาเรีย โรคนี้จะปรากฎกับต้นแม่และต ้นกล้า พบอาการระบาดรุนแรงในแปลงที ่ปลูกกัน
มานาน การควบคุมโรคไม่ดีพอ แปลงที่มีวัชพืชมาก อาการเริ่มแรกจะเห็นแผลขนาด เล็กสีม่วงแก่บนใบ
ต่อมาแผลขยายขนาด รอบแผลสีม่วงแดง กลางแผลสีน้ำตาลอ่อนถึงขาวห รือเทา แผลค่อนข้างกลมคล้ายตานก
สีอาจเปลี่ยนไปบ้างแล้วแต่ค วามรุนแรงของโรคและการตอบสน องของพืช อาการอาจปรากฎบนก้านใบ
หรือบางครั้งพบอาการที่ผลด้ วย
การป้องกันกำจัด ถ้าพบอาการของโรคที่ใบให้เด ็ดใบที่เป็นโรคออกแล้วนำไปเ ผาทำลาย อย่าทิ้งไว้บริเวณแปลงปลูก
เพราะจะทำให้เป็นแหล่งสะสมข องโรคต่อไป บำรุงพืชให้แข็งแรงในระยะปล ูกเพื่อผลิตไหล อย่าปล่อยให้วัชพืชขึ้นรก
เพราะวัชพืชเป็นแหล่งอาศัยข องโรค ควรดูแลความสะอาดของแปลงอยู ่เสมอ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน
4. โรคเหี่ยว เป็นผลมาจากอาการรากเน่าโคน เน่า ซึ่งเกิดจากเชื้อราไฟทอปทอร ่า จะพบการตายของราก โดยเริ่มจาก
ปลายรากแล้วลุกลามต่อไปรากแ ขนงจะเน่าบริเวณท่อน้ำท่ออา หารเป็นสีแดง อาการเน่าสามารถลามขึ้นไปจน ถึง
โคนต้น ถ้าหากอาการไม่รุนแรงพืชจะแ สดงอาการเพียงแคระแกรน แต่ถ้าอาการรุนแรงจะเหี่ยวท ั้งต้น
ใบเป็นสีเหลืองจนถึงสีแดง และทำให้พืชตายได้ภายใน 2 - 3วัน เมื่อถอนต้นดูพบว่าก้านใบจะ หลุดออกจากกอได้ง่าย
ท่อลำเลียงภายในรากถูกทำลาย จนเน่าทั้งหมด
การใช้สารเคมีควบคุมโรคสตรอ เบอรี่
สารฆ่าเชื้อราส่วนใหญ่ไม่มี อันตรายหรือมีน้อยมากต่อมนุ ษย์และสัตว์เลี้ยง แต่บางชนิดอาจมีอาการระคายเ คืองต่อผิวหนัง
(ผู้ฉีดพ่นสารเคมี) และบางชนิดอาจมีผลต่อการเกิ ดเซลมะเร็ง (ผู้บริโภค) ซึ่งยังไม่เป็นที่ทราบกันแต ่ชัด ดังนั้น
การใช้สารเคมีจึงต้องทำด้วย ความระมัดระวังในช่วงใกล้เก ็บเกี่ยว โดยเลือกชนิดที่ไม่ปรากฎครา บของสารบนผล
และดูค่าความปลอดภัยจาก LD50 (คือ ค่าของระดับความเป็นพิษที่ห นูตาย 50 เปอร์เซนต์ (มก./กก.ของน้ำหนักตัว)
สารที่มีค่าLD50 ต่ำจะเป็นสารที่มีพิษร้ายแร งกว่าสารที่มีค่า LD50 สูง) ในการฉีดพ่นทุกครั้ง?
ศัตรูสตรอเบอรี่ที่สำคัญ
1. ไรสองจุด เป็นศัตรูที่สำคัญของการผลิ ตผลสตรอเบอรี่ ไรจะดูดน้ำเลี้ยงจากใบสตรอเ บอรี่โดยเฉพาะบริเวณใต้ใบ
ทำให้ผิวใบบริเวณที่ไรดูดทำ ลายมีลักษณะกร้าน ใต้ใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแด ง ผิวใบด้านบนจะเห็นเป็นจุดด่ างขาวเล็กๆ
กระจายอยู่ทั่วไป เมื่อการทำลายรุนแรงขึ้น จุดด่างขาวเล็กๆเหล่านี้จะค ่อยๆแผ่ขยายติดต่อกันไปเป็น บริเวณกว้าง
จนทำให้ทั่วทั้งใบมีลักษณะเ หลืองซีด ใบร่วง เป็นผลทำให้สตรอเบอรี่ชงักก ารเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน
ให้ผลผลิตน้อยลง พบระบาดมากในสภาพอากาศแห้งค วามชื้นต่ำ
ไรสองจุด
ความสูญเสียระดับเเศรษฐกิจเ นื่องจากการทำลายของไรสองจุ ดบนใบสตรอเบอรี่ในหน้าหนาว คือ 20 -25 ตัว/ใบ
แต่ในหน้าร้อนจะอยู่ที่ 50 ตัว/ ใบ การป้องกันให้ใช้สารฆ่า"รโปรปาไจ ท์ ฉีดพ่นในช่วงที่ไม่มีแสงแดด จัด
และควรสลับชนิดของสารฆ่าไรเ พื่อป้องกันการดื้อยา ไม่ควรใช้สารป้องกันกำจัดศั ตรูพืชแบบครอบจักรวาล
ให้เลือกใช้สารที่จำเพาะเจา ะจงและเป็นสารที่มีพิษย้อยต ่อตัวห้ำตัวเบียน ศัตรูธรรมชาติที่สำคัญของไร สองจุด
ที่พบในแปลงสตรอเบอรี่ ได้แก่ ไรตัวห้ำ ซึ่งมีรายงานค้นพบว่ามีประส ิทธิภาพสามารถควบคุมไรสองจุ ดได้ดี
นอกจากนั้น การให้น้ำแบบใช้สปริงเกอร์จ ะช่วยลดประชากรไรได้ เพราะจะเป็นการชะล้างไรให้ห ลุดจากใบพืช ชะล้าง
ฝุ่นละอองที่ไรชอบหลบอาศัยอ ยู่ และเป็นการสร้างสภาพแวดล้อม ให้ชุ่มชื้น เหมาะกับการอยู่อาศัยของศัต รูธรรมชาติ
ของไร หมั่นทำความสะอาดแปลง ไม่ให้มีวัชพืชขึ้นในแปลงปล ูก และไม่ควรปลูกพืชผักโดยเฉพา ะ เช่น กระเทียม
ขึ้นฉ่าย แซมในแถวปลูกสตรอเบอรี่ เพราะเป็นการเพิ่มพืชอาศัยใ ห้ไรสองจุด
2. หนอนด้วงขาว เป็นหนอนของด้วงปีกแข็ง ตัวสีขาว ปากมีลักษณะปากกัด สีน้ำตาลอ่อน เจริญเติบโตจากไข่ที่อยู่
ใต้ดิน จะเริ่มกัดกินรากสตรอเบอรี่ ในช่วงปลายฤดูฝน ทำให้รากไม่สามารถดูดน้ำได้ เมื่อใบคายน้ำจึงทำให้ใบเหี ่ยว
รูใบปิด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่สาม ารถฟุ้งกระจายเข้าสู่ใบ การสังเคราะห์แสงจะลดลง ทำให้ต้นสตรอเบอรี่อ่อนแอ
ชงักการเจริญเติบโต เมื่อพบอาการดังกล่าวให้ขุด หาหนอนแล้วทำลาย ในการเตรียมแปลงให้ย่อยดินใ ห้ละเอียด
โดยเฉพาะพื้นที่เปิดใหม่ใกล ้ป่าหรือใกล้กองปุ๋ยหมัก ใช้สารเคมีประเภทคลอร์ไพริฟ อสราดบริเวณที่พบ
สารเคมีดังกล่าวเป็นสารเคมี กำจัดแมลงประเภทสัมผัสและกิ นตาย มีพิษตกค้าง 20 - 25 วันในดิน
หนอนด้วงขาว
3. เพลี้ยอ่อน เป็นแมลงปากดูด จะดูดน้ำเลี้ยงของใบ ก้านใบ ด้านท้ายลำตัวเพลี้ยอ่อนมีท ่อยื่นออกมา 2 ท่อ
ใช้ปล่อยสารน้ำหวานเป็นอาหา รของเชื้อรา ทำให้พืชสกปรกเกิดราดำ พืชสังเคราะแสงได้ลดลง
ทำให้ชงักการเจริญเติบโต ใบหงิกย่น เพลี้ยอ่อนจะอยู่รวมกันเป็น กลุ่มตามส่วนยอดช่อดอกและขย ายพันธุ์อย่างรวดเร็ว
นอกจากศัตรูดังกล่าวแล้ว บางพื้นที่ยังพบว่าทากและหน ูเป็นศัตรูสำคัญที่เข้าทำลา ยผลสตรอเบอรี่ได้
การติดดอกออกผล และ การเก็บเกี่ยว
ต้นสตรอเบอรี่จะเริ่มแทงช่อ ดอกประมาณเดือนพฤศจิกายน เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงและช่ว งแสงของวันสั้นเข้า คือ
ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากปลู ก เมื่อดอกบานมีการผสมเกสรแล้ วประมาณหนึ่งเดือน ผลจะเริ่มทยอยแก่พร้อมที่จะ เก็บ
เกี่ยวได้ โดยผลสุกมากที่สุดในช่วงเดื อนมีนาคมและจะวายประมาณปลาย เดือนเมษายน
สตรอเบอรี่นอกจากเป็นอาหารแ ล้วยังใช้เป็นสมุนไพรได้ เนื่องจากผลสตรอเบอรี่อุดมด ้วยวิตามินซีและธาตุเหล็ก
มีคุณประโยชน์ต่อระบบเลือดแ ละหัวใจ ลูกสีแดงสดอุดมด้วยซูเปอร์ไ ฟเบอร์เพคติน ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณ
โคเลสเตอรอลได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังช่วยให้ระบบทา งเดินอาหารทำงานได้สะดวก มีสรรพคุณเป็นยาระบายอย่าง
อ่อน ยาขับปัสสาวะและสามารถยับยั ้งสารก่อมะเร็งกลุ่มไนโตรซา มึนได้ (สารกลุ่มนี้กระตุ้นการเกิด มะเร็งในลำไส้)
เนื่องจากมีโพลีฟินอลปริมาณ สูง
ที่มา :
บางส่วนจาก กรมส่งเสริมการเกษตร
เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร
พันธุ์
* พันธุ์เพื่อการบริโภคสด ได้แก่ พันธุ์พระราชทานเบอร์ 70 , 80 เบอร์50 และเบอร์20 , 329 เป็นต้น
* พันธุ์เพื่อการแปรรูป ได้แก่ พันธุ์พระราชทานเบอร์16 และเซลวา , 329
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์สตรอเบอรี่ ทำได้หลายวิธีได้แก่
1. การใช้ไหล ขยายต้นไหลจากพันธุ์ที่สามา
2. การแยกต้น แยกต้นจากพันธุ์ที่ออกไหลไม
3. การใช้เมล็ด ใช้ในกรณีที่มีการผสมพันธุ์
4. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นขบวนการผลิตต้นไหลที่ปล
อย่างรวดเร็ว
การปลูกและการดูแลรักษา
ควรปลูกในเดือนกันยายน - กลางเดือนตุลาคม โดยใช้ส่วนที่เรียกว่า ต้นไหลมาปลูก
ระยะปลูก
สำหรับระยะที่ใช้ปลูกจะใช้ร
วิธีการปลูก
ปลูกโดยการปลูกในวัสดุปลูกค
ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมีตอนปลูกให
ถ้าปลูกลึก คือ ส่วนลำต้นจมอยู่ต่ำกว่าผิวว
ต้นเจริญเติบโตช้าและอาจถึง
แห้ง ต้นเจริญเติบโตช้า ไม่สมบูรณ์ และอาจเป็นสาเหตุให้ต้นตายไ
ต้นแม่หันเข้ากลางแปลง เพื่อที่จะให้ผลสตรอเบอรี่ท
ทำให้รสชาติดี สะดวกในการเก็บเกี่ยวและลดป
เมื่อปลูกต้นไหลแล้ว ระยะตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจน
มาเรื่อยๆ ให้เด็ดหรือตัดส่วนไหลออกให
ที่ย้ายปลูก (ต้นเดิมที่นำลงมาจากภูเขา)
นอกจากนี้ยังจะกระทบกระเทือ
การให้น้ำ + การให้ปุ๋ย
เนื่องจากเป็นการปลูกระบบไฮ
การกำจัดวัชพืช
การปล่อยให้มีวัชพืชขึ้นในแ
ทั้งยังเป็นแหล่งสะสมโรคและ
สม่ำเสมอ พร้อมทั้วตัดแต่งใบและลำต้น
และอย่าทิ้งเศษพืชไว้ในแปลง
เมื่อสลายตัวแล้วจะได้นำไปใ
โรค แมลง และศัตรูพืช
สตรอเบอรี่เป็นพืชหนึ่งที่ม
การป้องกันตั้งแต่ระยะแรกจึ
จะสามารถทำได้ง่ายกว่าการกำ
การป้องกันไม่ให้โรคและแมลง
ใช้ต้นไหลที่แข็งแรงจากต้นแ
กรรมที่ดี มีการให้น้ำและปุ๋ยอย่างถูก
ทำลายของศัตรูสตรอเบอรี่ได้
ทางเลือกสุดท้าย เพราะการใช้สารเคมีอย่างไม่
และผู้บริโภค
โรคสตรอเบอรี่ที่สำคัญ
1.โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะแสดงอาการใบหงิก ย่น หรือมีอาการใบด่าง ใบผิดรูปร่าง ใบม้วนขึ้น ต้นเตี้ย แคระแกรน
ข้อสั้น ทรงพุ่มมีใบแน่นขนาดใบเล็กก
พบว่าแมลงพวกปากดูด ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และไส้เดือนฝอยบางชนิดเป็นพ
ไม่สามารถรักษาให้หายได้ นอกจากการป้องกันโดยคัดเลือ
เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาปลูก
เพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นพาหะของโรค เมื่อพบว่ามีต้นที่แสดงอากา
และการบำรุงพืชให้แข็งแรงอย
การป้องกันกำจัดแมลงพาหะของ
* ใช้สารสกัดสะเดา ฉีดพ่นเพื่อขับไล่และยับยั้
* ใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง
ของศัตรูพืช ทำให้ลดปริมาณศัตรูพืชลงได้
สูตรผสมของกาวเหนียว
1. น้ำมันละหุ่ง 150 ซีซี.
2. ยางสน 100 กรัม
3. ขี้ผึ้งคาร์นาว่า 10 - 12 กรัม
วิธีทำ นำน้ำมันละหุ่งมาใส่ภาชนะตั
ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันจนละล
ยกภาขนะลงวางในถังหรือกาละม
ภาขนะปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ใช
วิธีใช้ ใช้ภาชนะที่ใช้แล้ว เช่น กระป๋องน้ำมันเครื่องหรือแผ
ให้บินเข้ามาติดกับดักและตา
หนาแน่น ทากาวเหนียวด้วยแปรงทาสีให้
ไม่ให้ไหลเยิ้มเพื่อเป็นการ
กาววางกับดักกาวเหนียวสีเหล
ระบาดของแมลงน้อย อาจวางกับดัก 15 - 20 กับดัก/
ควรวางกับดัก 60 -80 กับดัก/ไร่
2. โรคแอนแทรคโนส (โรคกอเน่า) เกิดจากเชื้อราคอลเล็คโตตริ
ไหล แล้วลุกลามไปตลอดความยาวของ
รอบนอกของแผลเป็นสีเหลืองอม
ต้นไหลอาจจะยังไม่ตาย แต่เมื่อย้ายต้นไหลที่มีการ
การเจริญเติบโตของเขื้อ(อาก
พบว่าเนื้อเยื่อส่วนกอด้านใ
ในที่สุด โรคนี้สามารถเกิดที่ผลสตรอเ
ผิวผล เมื่ออากาศชื้นสามารถมองเห็
การป้องกันกำจัด ในฤดูกาลผลิตผลสตรอเบอรี่ใน
ต้นไหลให้ปราศจากเชื้อโรคทั
ขอบใบไหม้ แผลบนก้านใบ และแผลบนสายไหลตลอดจนต้นไหล
โดยที่ต้นไหลยังแสดงอาการปก
การเจริญของเชื้อ
3.โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรารามูลาเรีย โรคนี้จะปรากฎกับต้นแม่และต
มานาน การควบคุมโรคไม่ดีพอ แปลงที่มีวัชพืชมาก อาการเริ่มแรกจะเห็นแผลขนาด
ต่อมาแผลขยายขนาด รอบแผลสีม่วงแดง กลางแผลสีน้ำตาลอ่อนถึงขาวห
สีอาจเปลี่ยนไปบ้างแล้วแต่ค
หรือบางครั้งพบอาการที่ผลด้
การป้องกันกำจัด ถ้าพบอาการของโรคที่ใบให้เด
เพราะจะทำให้เป็นแหล่งสะสมข
เพราะวัชพืชเป็นแหล่งอาศัยข
4. โรคเหี่ยว เป็นผลมาจากอาการรากเน่าโคน
ปลายรากแล้วลุกลามต่อไปรากแ
โคนต้น ถ้าหากอาการไม่รุนแรงพืชจะแ
ใบเป็นสีเหลืองจนถึงสีแดง และทำให้พืชตายได้ภายใน 2 - 3วัน เมื่อถอนต้นดูพบว่าก้านใบจะ
ท่อลำเลียงภายในรากถูกทำลาย
การใช้สารเคมีควบคุมโรคสตรอ
สารฆ่าเชื้อราส่วนใหญ่ไม่มี
(ผู้ฉีดพ่นสารเคมี) และบางชนิดอาจมีผลต่อการเกิ
การใช้สารเคมีจึงต้องทำด้วย
และดูค่าความปลอดภัยจาก LD50 (คือ ค่าของระดับความเป็นพิษที่ห
สารที่มีค่าLD50 ต่ำจะเป็นสารที่มีพิษร้ายแร
ศัตรูสตรอเบอรี่ที่สำคัญ
1. ไรสองจุด เป็นศัตรูที่สำคัญของการผลิ
ทำให้ผิวใบบริเวณที่ไรดูดทำ
กระจายอยู่ทั่วไป เมื่อการทำลายรุนแรงขึ้น จุดด่างขาวเล็กๆเหล่านี้จะค
จนทำให้ทั่วทั้งใบมีลักษณะเ
ให้ผลผลิตน้อยลง พบระบาดมากในสภาพอากาศแห้งค
ไรสองจุด
ความสูญเสียระดับเเศรษฐกิจเ
แต่ในหน้าร้อนจะอยู่ที่ 50 ตัว/
และควรสลับชนิดของสารฆ่าไรเ
ให้เลือกใช้สารที่จำเพาะเจา
ที่พบในแปลงสตรอเบอรี่ ได้แก่ ไรตัวห้ำ ซึ่งมีรายงานค้นพบว่ามีประส
นอกจากนั้น การให้น้ำแบบใช้สปริงเกอร์จ
ฝุ่นละอองที่ไรชอบหลบอาศัยอ
ของไร หมั่นทำความสะอาดแปลง ไม่ให้มีวัชพืชขึ้นในแปลงปล
ขึ้นฉ่าย แซมในแถวปลูกสตรอเบอรี่ เพราะเป็นการเพิ่มพืชอาศัยใ
2. หนอนด้วงขาว เป็นหนอนของด้วงปีกแข็ง ตัวสีขาว ปากมีลักษณะปากกัด สีน้ำตาลอ่อน เจริญเติบโตจากไข่ที่อยู่
ใต้ดิน จะเริ่มกัดกินรากสตรอเบอรี่
รูใบปิด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่สาม
ชงักการเจริญเติบโต เมื่อพบอาการดังกล่าวให้ขุด
โดยเฉพาะพื้นที่เปิดใหม่ใกล
สารเคมีดังกล่าวเป็นสารเคมี
หนอนด้วงขาว
3. เพลี้ยอ่อน เป็นแมลงปากดูด จะดูดน้ำเลี้ยงของใบ ก้านใบ ด้านท้ายลำตัวเพลี้ยอ่อนมีท
ใช้ปล่อยสารน้ำหวานเป็นอาหา
ทำให้ชงักการเจริญเติบโต ใบหงิกย่น เพลี้ยอ่อนจะอยู่รวมกันเป็น
นอกจากศัตรูดังกล่าวแล้ว บางพื้นที่ยังพบว่าทากและหน
การติดดอกออกผล และ การเก็บเกี่ยว
ต้นสตรอเบอรี่จะเริ่มแทงช่อ
ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากปลู
เกี่ยวได้ โดยผลสุกมากที่สุดในช่วงเดื
สตรอเบอรี่นอกจากเป็นอาหารแ
มีคุณประโยชน์ต่อระบบเลือดแ
โคเลสเตอรอลได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังช่วยให้ระบบทา
อ่อน ยาขับปัสสาวะและสามารถยับยั
เนื่องจากมีโพลีฟินอลปริมาณ
ที่มา :
บางส่วนจาก กรมส่งเสริมการเกษตร
เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)